คู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม

ปัญหาเกี่ยวกับ “รถโรงเรียน”

หน่วยงานรัฐยังไม่มีฐานข้อมูลจำนวนรถโรงเรียน(รถรับส่งนักเรียน)ที่แท้จริง ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายที่ให้บริการรับส่งนักเรียนในประเทศไทย รถโรงเรียนที่ดำเนินการโดยขาดระบบบริการจัดการที่ดี อาจนำไปสู่ปัญหาความเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยของนักเรียนที่ใช้บริการได้

ปัญหาที่พบบ่อย

1. การจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ
2. การลืมเด็กไว้ในรถ

ทั้ง 2 ปัญหามีที่มาจาก สภาพรถ ผู้ขับรถ และระบบการจัดการ ซึ้งทั้งหมดนี้สามารถป้องกันได้

ระบบ 7 ล้อ ที่ทุกโรงเรียนทำได้

คือ หลักประกันที่จะสร้างความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถโรงเรียนที่ทุกโรงเรียนสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง

1. ระบบข้อมูลการจัดการรถโรงเรียน
2. ระบบดูแลนักเรียนภายในรถ
3. ระบบรับรองรถโรงเรียน
4. ระบบเฝ้าระวังรถโรงเรียน
5. ระบบจัดการจุดจอดรับส่งรถโรงเรียน
6. ระบบประกันภัยรถโรงเรียน
7. ระบบการติดตามประเมินผล

ระบบการจัดการรถโรงเรียน

1. การออกหนังสือรับรองรถโรงเรียน จัดทำข้อมูลทะเบียนรถ ทะเบียนผู้ขับรถ และผู้ควบคุมดูแลนักเรียน พร้อมหลักเกณฑ์การออกหนังสือรับรองการรับส่งนักเรียนเตรียมไว้ก่อนเปิดเทอม เมื่อเปิดเทอมแล้วผู้ขับรถโรงเรียนต้องนำเอกสารมาขอให้โรงเรียนรับรองให้ก่อนที่จะนำเอกสารไปประกอบยื่นขออนุญาตใช้เป็นรถรับจ้างรับส่งนักเรียนกับสำนักงานขนส่งจังหวัด ตรวจเอกสาร สภาพรถ และประวัติผู้ขับ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด นายทะเบียนจะออกใบอนุญาต
2. การขับเคลื่อนระบบการจัดการรถโรงเรียนทั้ง 7 ระบบ ในช่วงเปิดเทอม ประชุมผู้ปกครอง ชี้แจงระบบรถโรงเรียนและมาตรการของโรงเรียน เพื่อให้เกิดความตระหนัก และมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังรถโรงเรียนร่วมกัน ประสานหน่วยงานให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถโรงเรียนที่ปลอดภัย ให้กับนักเรียน ผู้ขับรถโรงเรียน และผู้ปกครอง จัดระบบดูแลรถโดยผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญและนำไปเป็นนโยบายของโรงเรียน ตั้งคณะทำงานโดยมีโรงเรียนเป็นเจ้าภาพหลัก
3. การทำงานแบบมีส่วนร่วม การสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการประสานงานให้ความรู้และการสื่อสาร บูรณาการเป็นกระบวนการสำคัญในการขับเคลื่อนระบจัดการรถโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะสำเร็จได้เมื่อ “หน่วยจัดการระบบรถโรงเรียน” ทำงานครบ 3 มิติ ได้แก่ การประสานงาน การจัดการข้อมูล และการจัดการสื่อสารภายในระบบรถโรงเรียน