
คู่มือนี้จะช่วยสร้างความรู้พื้นฐานในการคัดเลือกรถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัย
การประเมินคุณภาพรถและพนักงานขับรถในลักษณะ Check list ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
ทำไมต้องเลือกรถโดยสารไม่ประจำทางที่ปลอดภัย
การเกิดอุบัติเหตุรถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว (ไม่ประจำทาง) ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มทั้งจำนวนและระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตต่อครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จะมีครอบครัวผู้โดยสารเกือบ 2,000 ครอบครัว ทุกปีที่ต้องได้รับผลกระทบจากอุบัติหตุของรถโดยสารสาธารณะ
สาเหตุและความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและความรุนแรง
- งบประมาณสนับสนุนกิจกรรมการเดินทางไม่เพียงพอ ส่งผลให้จ้างรถทัศนาจรราคาถูกที่ขาดคุณภาพและไม่ปลอดภัย มาตรการที่ สพฐ. ดำเนินการอยู่ คือ การขอความร่วมมือจากโรงเรียนในการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา โดยให้คัดเลือกพนักงานขับรถและเลือกรถทัศนาจรที่มีคุณภาพ รวมถึงไม่ออกเดินทางในเวลากลางคืน
- พนักงานขับรถและผู้โดยสาร
พนักงานขับรถ
- ความอ่อนล้า จากการขับขี่รถทางไกลต่อเนื่องเป็นเวลานาน
- ขาดประสบการณ์และความชำนาญการขับขี่รถโดยสาร (โดยเฉพาะรถ 2 ชั้น)
- ไม่ชำนาญเส้นทางและใช้ความเร็วไม่เหมาะสม
ผู้โดยสาร
- บรรทุกเกินจำนวนที่นั่ง
- ผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง
ยานพาหนะ
- รถบางคันไม่พร้อมใช้งาน ซ่อมบำรุงไม่เป็นไปตามกำหนด
- รถโดยสาร 2 ชั้นที่จดทะเบียนก่อน ปี พ.ศ. 2566 ส่วนใหญ่ไม่ผ่านการทดสอบพื้นเอียง (อนุโลมให้นำไปติด GPS เพื่อควบคุมความเร็ว แต่ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการทรงตัว)
- ไม่มีเข็มขัดนิรภัย หรือมีแต่ใช้การไม่ได้
คำแนะนำในการเลือกใช้รถโดยสารไม่ประจำทาง
การคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถ
- การเลือกบริษัทรถที่เป็นนิติบุคคล ที่มีระบบการดูและช่วยเหลือและมีความน่าเชื่อถือ
- สภาพของรถโดยสาร ผู้ว่าจ้างต้องตรวจสอบว่ามีความเหมาะสมและปลอดภัยในการเดินทาง ควรเป็นรถโดยสาร
ชั้นเดียว มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและใช้การได้ ควรมีเบาะที่นั่งยึดติดกับที่มีอุปกรณ์นิรภัยติดตั้งบนรถ เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง - พนักงานชับรถ ต้องคุ้นเคยเส้นทาง หากขับระยะทางเกิน 400 กิโลเมตร หรือขับต่อเนื่องนานเกิน 4 ชั่วโมง ต้องมีพนักงานขับรถ 2 คน หากมีคนเดียว จะต้องมีการระบุจุดจอดพักรถไม่น้อยกว่า 30 นาที ทุก ๆ 4 ชั่วโมง
ก่อนการเดินทาง
- คณะเดินทางต้องศึกษาเส้นทางและวางแผนการเดินทาง เลือกเส้นทางที่ปลอดภัย และควรเผื่อเวลาเดินทางให้เพียงพอไม่เร่งรีบเกินไป ผู้โดยสารต้องทราบสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายภายใต้กรรมธรรม์ที่ทำไว้ก่อนเดินทาง และแจ้งให้ญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เป็นข้อมูลเพื่อช่วยเหลือยามเกิดอุบัติเหตุ
- ตรวจสอบรายงานสมุดประจำรถ ผู้รับจ้างปฏิบัติตรงกับที่ทำสัญญาหรือไม่ เช็คประวัติการเดินทาง และคำนวณเวลาพนักงานขับรถที่เดินทางล่าสุด ถ้าพบว่าพักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีการเดินทางต่อเนื่อง ห้ามเดินทาง
ระหว่างเดินทาง
- ระหว่างเดินทางต้องกำกับไม่ให้พนักงานชับรถ ขับเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และแซงรถอื่นอย่างผิดกฎหมาย (ไม่ควรเร็วเกิน 90 กม./ชม.) ถ้าผู้ประกอบการมีระบบ GPS ก็จะสร้างความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
- สังเกตกิริยาอาการของพนักงานขับรถว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมขับขี่
- การปฏิบัติตัวของผู้โดยสาร ควรคาดเข็มขัดตลอดเวลา แม้ในขณะนอนหลับ
- ถ้าเกิดอุบัติเหตุผู้เสียหายสามารถเรียกร้องการชดเชยกับพนักงานขับรถ เจ้าของบริษัทรถโดยสารคันที่เกิดเหตุและบริษัทประกันภัย
เอกสารอ้างอิง:
nopparat. (2567). คู่มือคัดเลือกรถโดยสารไม่ประจำทาง ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย, สืบค้น 18 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://www.thaihealth.or.th/?p=372069